ความเครียด รู้ให้ทันก่อนจะสายเกินแก้
17 พฤษภาคม 2023
แรงกดดันในชีวิตประจำวันส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าความเครียดโดยความเครียดเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ความเครียด ถือได้ว่าเป็นภาวะที่ต้องให้ความใส่ใจ เพราะไม่ได้เห็นได้ชัดเจนเหมือนอาการบาดเจ็บภายนอกร่างกาย จึงทำให้มีวิธีป้องกันและดูแลการรักษาซับซ้อนขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นควรมาทำความรู้จักกับความเครียดให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อหาวิธีป้องกันและรักษาให้ถูกวิธี
ความเครียดเกิดจากอะไร ?
เป็นภาวะที่ร่างกายเกิดการปรับตัวไม่ได้ โดยจะเกิดขึ้นหลังจากเจอกับความขัดแย้งหรือมีสิ่งที่มากระทบกับร่างกายและจิตใจ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน สาเหตุของความเครียดเกิดขึ้นได้จากหลายเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัว
ปัจจัยที่ทำให้เกิด ความเครียด
ความเครียดสามารถแบ่งปัจจัยในการเกิดได้ทั้งหมด 2 ปัจจัยใหญ่ ๆ คือ
- ปัจจัยภายใน เกิดจากความรู้สึกภายในร่างกายและจิตใจของตัวเองอย่างการมีโรคประจำตัว เช่น โรคซึมเศร้า ผู้ที่มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมาเป็นเวลานาน หรือบุคลิกภาพบางอย่าง เช่น มีความวิตกกังวลมาก
- ปัจจัยภายนอก เกิดจากสภาพแวดล้อมรอบตัว แบ่งออกได้ 4 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้
- การทำงาน เกิดความกดดันในการทำงานที่มาจากหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน การแข่งขันที่สูง การใช้เวลาที่เร่งรีบ การเข้ากันไม่ได้กับเพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงแนวทางในการปฏิบัติงานที่ไม่เหมาะกับตัวบุคคล
- ความสัมพันธ์ ความเครียดจากความสัมพันธ์ในที่นี้เป็นความสัมพันธ์ทั้งคนรัก คู่ชีวิต และความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว อาจจะเป็นปัญหาเล็กๆ ที่ไม่สามารถหาทางออกได้ รวมถึงความกดดันในเรื่องการเงินในครอบครัว ซึ่งท้ายที่สุดอาจนำไปสู่ความแตกแยกของความสัมพันธ์ได้
- ปัญหาสุขภาพ ความเครียดที่เกิดจากโรคประจำตัวที่รักษาไม่หายหรือรักษามานานแล้วไม่ดีขึ้น ทำให้เกิดความวิตกกังวลและคิดมาก รวมถึงอาการที่นอนไม่หลับ หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ ทำให้ร่างกายพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ จนเกิดปัญหาต่อเนื่องได้
- การเปลี่ยนแปลงในชีวิต เกิดจากการเจอเหตุการณ์ในชีวิตที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันหรือไม่ทันได้ตั้งตัว เช่น โดนไล่ออกจากงาน คนในครอบครัวเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต เป็นต้น ส่งผลให้เกิดความเครียดมากขึ้นได้เช่นกัน
ผลกระทบที่เกิดจากความเครียด
- ด้านร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วย เช่น ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน โรคกระเพาะ ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดกล้ามเนื้อ ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองแตก ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง ทำให้เกิดปัญหาการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อได้ง่าย
- ด้านจิตใจและอารมณ์ ทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน อารมณ์ร้าย หรือมีอาการซึมเศร้า โดยในจิตใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวล หดหู่ ซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย รวมไปถึงความรู้สึกขาดความภูมิใจในตนเอง ขาดสมาธิ
- ด้านพฤติกรรมในการใช้ชีวิต เช่น เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ร้องไห้ง่าย ไม่อยากทำอะไร ขาดความอดทน เบื่อง่าย ประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง เริ่มปลีกตัวจากสังคม ไม่ดูแลตัวเอง บางคนอาจใช้ความรุนแรงทำร้ายผู้อื่น โดยหากเกิดอาการเหล่านี้หลายคนจะใช้วิธีระบายความเครียดด้วยการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ใช้ยานอนหลับ หรือใช้สารเสพติด ซึ่งส่งผลให้สุขภาพแย่ลงในระยะยาว
วิธีการดูแลอาการที่เกิดจากความเครียด
- ปรับเปลี่ยนความคิด ปล่อยวางในเรื่องที่ต้องเจอ ให้รู้ตัวว่าคิดว่าเรื่องอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจ จากนั้นให้กลับมามีสมาธิอยู่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าก่อน
- ดูแลรักษาสุขภาพ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที ทำให้ช่วยบรรเทาอาการเครียดสะสมได้
- หลีกเลี่ยงสารเสพติด การเสพสิ่งเสพติดในขณะที่เกิดความเครียด อาจจะช่วยบรรเทาได้ช่วงขณะหนึ่ง แต่ส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก
- นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการ ทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเครียดและอารมณ์แจ่มใสขึ้น
- รับประทานอาหารมีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นอกจากจะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยเสริมให้สภาพจิตใจดีขึ้นอีกด้วย
เมื่อเกิดความเครียดขึ้นมา ลองพยายามนึกทบทวนดูว่า เกิดจากสาเหตุอะไร และเลือกใช้วิธีดูแลความเครียดดังที่กล่าวมา วิธีใด วิธีหนึ่งหรือหลายวิธีร่วมกัน อาจทำให้คลายความเครียดหรือไม่เครียดเลยก็ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดสะสมในอนาคต อย่างไรก็ตามความเครียดในแต่ละบุคคลมีระดับที่ไม่เท่ากัน การเข้าปรึกษาพบแพทย์เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีและแก้ไขความเครียดได้ถูกต้องที่สุด