High Power Laser

High Power Laser คืออะไร

High Power Laser เป็นพลังงานเลเซอร์กำลังสูง ที่สามารถผ่านผิวหนังลงได้ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่มีอาการอักเสบ ต่างจากเครื่องมือกายภาพบำบัดแบบดั้งเดิมที่ให้พลังงานได้ในเนื้อเยื่อชั้นตื้นๆ ช่วยยับยั้งการส่งสัญญาณความรู้สึกปวด และเร่งการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ จึงช่วยลดอาการปวด ในระยะเฉียบพลันได้ดี

การรักษาด้วยเครื่อง High Power Laser ดีอย่างไร

1. ผู้ป่วยไม่เจ็บตัวขณะทำการรักษา
2. เห็นผลทันทีหลังการรักษา เป็นจุดเด่นของการรักษาด้วยเครื่อง High Power Laser ผู้ป่วยสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของอาการอักเสบ ที่จะดีขึ้นทันทีอย่างน้อย 50% ภายหลังจากการรักษา โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบในระยะเฉียบพลัน
3. ใช้เวลาในการรักษาต่อครั้งไม่นาน เพียง 5-10 นาที
4. แผนการรักษาใช้ระยะเวลาสั้น การกระตุ้นด้วยเลเซอร์จะช่วยให้การฟื้นตัวของเนื้อเยื่อรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้ใช้เวลาในการรักษาสั้นกว่ารูปแบบอื่นๆ ผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บเฉียบพลันจะใช้เวลารักษาประมาณ 3 – 5 ครั้ง ในขณะที่ผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บเรื้อรังจะใช้เวลารักษาประมาณ 10 – 15 ครั้ง
5. รักษาอาการปวดได้ในทุกระยะ ทั้งปวดเฉียบพลัน หรือกึ่งเฉียบพลัน ไปจนถึงผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบเรื้อรัง แต่ที่เห็นผลได้ดีและชัดเจนที่สุดคือ ในกลุ่มปวดเฉียบพลัน 

ข้อห้าม ข้อควรระวังของการรักษาด้วยเครื่อง High Power Laser

• บริเวณตา และบริเวณที่มีรอยสัก
• บริเวณต่อมไทรอยด์ (Thyroid)
• หญิงตั้งครรภ์ (บริเวณลำตัวและท้อง)
• ผู้ที่มีภาวะเลือดออก
• ผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือมีเนื้องอก
• ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (SLE)
• ผู้ป่วยโรคไตรุนแรง

Shock wave

Shock wave คืออะไร

Shock Wave เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการใช้รักษาอาการปวดระยะเรื้อรัง โดยการส่งผ่านคลื่นกระแทกเข้าไปในบริเวณที่มีอาการปวดเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บใหม่ (Re-injury) ในบริเวณกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นที่มีปัญหา หลังจากนั้น ร่างกายจะเกิดกระบวนการซ่อมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ (Re-healing) และช่วยลดอาการปวดได้ โดยลดปริมาณสารสื่อประสาทที่ส่งสัญญาณปวดและกระตุ้นให้หลั่งสารลดปวด จึงเห็นผลได้ทันทีหลังการรักษา

ผลที่ได้จากการรักษา และระยะเวลาในการรักษา

• ผู้ป่วยจะมีอาการปวดลดลงเกือบ 50% หรือ ในบางรายหายปวดหลังทำการรักษาในครั้งแรก

(กรณีที่เป็นในระดับความรุนแรงเล็กน้อย หรือเพิ่งเริ่มมีอาการ)

• หลังจากนั้น ควรเว้นระยะห่างการรักษาครั้งถัดไปประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมเนื้อเยื่อใหม่
• จำนวนครั้งในการรักษาทั้งหมดอยู่ที่ 2-5 ครั้ง แล้วแต่ความรุนแรงของอาการ

Shock wave ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง?

• โรครองช้ำ พังผืดฝ่าเท้าอักเสบ หรือ ปวดเอ็นร้อยหวาย
• อาการปวดเรื้อรังในกล้ามเนื้อคอ บ่า หลัง หรือ กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome)
• ปวดไหล่ ปวดสะโพกร้าวลงขา
• ปวดข้อศอก เอ็นข้อศอกอักเสบ
• ปวดเข่า และการบาดเจ็บจากกีฬา

ข้อห้าม ข้อควรระวังของการรักษาด้วยเครื่อง Shock wave

• ไม่ควรใช้รักษาในเด็ก
• หญิงตั้งครรภ์
• บริเวณที่มีการติดเชื้อ
• ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
• บริเวณที่มีหลอดเลือดโป่งพอง
• บริเวณที่มีการอักเสบของเส้นประสาท