หัวใจเป็นอวัยวะที่สำคัญ หากหัวใจทำงานผิดปกติแล้วย่อมส่งผลกระทบต่อระบบอื่น ๆ ของร่างกายอีกมากมายการตรวจสุขภาพหัวใจ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกายด้วยการเดินสายพาน (Exercise Stress Test : EST) , การตรวจหัวใจด้วยคลื่นสะท้อนความถี่สูง(Echocardiography: ECHO) และ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักการตรวจแต่ละวิธี เพื่อการเตรียมตัวที่ควรทราบ ดังนี้
1. การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกายด้วยการเดินสายพาน (Exercise Stress Test : EST)
เป็นการตรวจเพื่อวินิจฉัยภาวะหัวใจขาดเลือดขณะออกกำลังกาย ขณะที่ผู้ป่วยออกกำลังกายแพทย์จะสังเกตการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และ การตอบสนองที่ผิดปกติ เช่น หายใจลำบาก เจ็บแน่นหน้าอก หรือ มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ หากมีอาการเหล่านี้ อาจบ่งชี้ได้ว่ามีภาวะการขาดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจในระหว่างการออกกำลังกาย
2. การตรวจหัวใจด้วยคลื่นสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography: ECHO)
เป็นการตรวจวัดประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ เช่น การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ขนาดของห้องหัวใจ การไหลเวียนเลือดในหัวใจโดยการใช้คลื่นความถี่สูง เมื่อคลื่นความถี่สูงผ่านอวัยวะต่าง ๆ จะเกิดสัญญาณสะท้อนกลับ และ คอมพิวเตอร์จะประมวลสัญญาณนี้ออกมาเป็นภาพ ให้เห็นถึงการทำงานของหัวใจ สามารถใช้วินิจฉัยโรคหัวใจแต่กำเนิด โรคลิ้นหัวใจตีบ, โรคลิ้นหัวใจรั่ว, กล้ามเนื้อหัวใจตาย, ภาวะหัวใจโป่งพอง และโรคของเยื่อหุ้มหัวใจ เป็นต้น
3. การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
เป็นการตรวจกระแสไฟฟ้าและจังหวะการเต้นของหัวใจ โดยปกติแล้วหัวใจจะปล่อยไฟฟ้าออกมาเป็นจังหวะ เพื่อให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัว การตรวจ EKG ทำได้โดยการติดตัวรับกระแสไฟฟ้าตามตำแหน่งต่าง ๆ ได้แก่ แขน ขา ข้อมือ
ข้อเท้า และหน้าอก รวม 10 จุด จากนั้น เครื่องจะประมวลผลออกมาเป็นกราฟหัวใจให้เห็น สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับหัวใจ เช่น จังหวะการเต้น ความสม่ำเสมอ การนำไฟฟ้าในหัวใจ ชนิดของการเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจตาย กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความผิดปกติของระดับเกลือแร่บางชนิด เป็นต้น