เตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ สำคัญไฉน ?
09 กรกฎาคม 2020
การเตรียมความพร้อมด้วยการตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์จะช่วยกลั่นกรอง ส่งเสริมและป้องกันให้ลูกน้อยที่จะเกิดมาในอนาคต แข็งแรงทั้งกายและใจ อีกทั้งมีความเสี่ยงต่อการพิการ และเสียชีวิตน้อยที่สุด
ทำไมจึงต้องตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
เพื่อให้คนที่จะเป็นพ่อแม่ได้รู้ภาวะสุขภาพของตนเองรวมถึงโรคทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อลูก เช่น ธาลัสซีเมีย โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ รวมถึงตรวจหาเชื้อโรคที่เป็นพาหะแอบแฝงอยู่ในร่างกาย เช่น เชื้อซิฟิลิส เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อเอชไอวีฯ เพื่อเป็นการป้องกันการติดโรคที่สามารถติดต่อกันได้ระหว่างคู่รักและป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ลูกด้วย
การเตรียมพร้อมก่อนสมรสและก่อนมีบุตรต้องเตรียมอะไรบ้าง
ก่อนสมรส การเลือกคู่ชีวิต ก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะความรักเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการประคับประคองให้ครอบครัวสามารถอยู่ร่วมกันไปได้อย่างราบรื่น การเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างเปิดเผยจะช่วยให้ทั้งคู่สามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่ต้องเรียนรู้ประกอบด้วย
- อุปนิสัยใจคอ ความรับผิดชอบ การดูแลเอาใจใส่ และวิถีชีวิต
- พื้นฐานครอบครัว
- พื้นฐานการศึกษา
- เศรษฐกิจ ฐานะการเงิน
- สุขภาพ โรคติดต่อหรือโรคทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อครอบครัวในอนาคต
และที่สำคัญ ถามใจตัวเองเสมอว่าคนที่เลือกคือ “คนที่ใช่” คนที่พร้อมจะดูแล “ร่วมทุกข์ ร่วมสุข” หรือไม่
ก่อนมีบุตร ช่วงวัยที่มีแนวโน้มที่เหมาะสมต่อการมีบุตร ผู้หญิงควรมีอายุระหว่าง 20-34 ปี เพราะร่างกายมีความสมบูรณ์แข็งแรง มีเรี่ยวแรงในการเลี้ยงดูบุตร มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ และมีเสถียรภาพทางการเงิน การเตรียมความพร้อมควรปฏิบัติดังนี้
- การเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย น่าจะเป็นเรื่องที่หาข้อมูลได้ง่ายทั่วไป เห็นชัดที่สุด แต่เราก็ยังมีคำแนะนำดีๆมาฝากกันให้ลองปฏิบัติกัน ดังนี้
- หญิงวัยเจริญพันธุ์ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และควรทานอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กสูง ได้แก่ ตับ เลือด เนื้อสัตว์ เนื้อแดงต่าง ๆ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง อาหารทะเล ผักใบเขียวเข้ม ถั่วดำ ถั่วแดง ข้าวโอ๊ต เป็นต้น
- กินวิตามินเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก (เฟอร์โรโฟลิก) เพื่อช่วยลดภาวะซีด และลดความเสี่ยงของทารกพิการแต่กำเนิด
- เลิกบุหรี่ อย่างน้อย 3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์
- เลิกดื่มสุรา อย่างน้อย 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หยุดการคุมกำเนิดทุกวิธี
- มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ (สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง)
- รักเดียวใจเดียว
- ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
- การดูแลสุขภาพช่องปาก...เพื่อว่าที่คุณแม่ฟันดี เรื่องฟันหลายคนอาจจะคิดว่าไม่เกี่ยว แต่ลองดูข้อมูลนะ เห็นแล้วว่าที่คุณแม่หลายคนอาจจะลงนัดหมอฟันโดยเร็วเลยก็ได้ หญิงที่วางแผนตั้งครรภ์ ควรรับการตรวจสุขภาพช่องปากเพื่อรับการรักษา ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในช่องปาก เพราะการมีฟันผุ เหงือกอักเสบและเป็นโรคปริทันต์ มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์รวมถึงผลลัพธ์ของการตั้งครรภ์ เช่น การคลอดก่อนกำหนด เด็กเกิดมามีน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม
ข้อควรปฏิบัติ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดการรับประทานอาหารหวาน เน้นการรับประทานผักและผลไม้
- แปรงฟัน 2 2 2 คือแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ นาน 2 นาที ไม่รับประทานอาหาร เครื่องดื่ม หลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง
- ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อย วันละ 1 ครั้ง
- ควรได้รับการตรวจฟันทุก 6 เดือน และไปรับบริการทันตกรรมตามคำแนะนำ
- การดูแลสุขภาพจิต สุขภาพกายแข็งแรงไม่พอ สุขภาพใจก็ต้องแข็งแรงไปด้วยกัน ลองทำตามคำปฏิบัติง่ายๆ แบบพื้นฐานกันดู เพื่อเป็นการฟื้นฟูสุขภาพจิตของเราไปในตัว เริ่มจาก
- พักผ่อนอย่างเพียงพอ
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่นำไปสู่ความเครียดและทำให้เกิดความวิตกกังวล เช่น รู้สึกเบื่อเซ็ง ไม่อยากพบปะผู้คน มีปัญหาการนอน นอนไม่หลับหรือนอนมาก มีสมาธิน้อยลง หงุดหงิด กระวนกระวาย ว้าวุ่นใจ
- สนับสนุนและเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันระหว่างคู่รัก
- การดูแลสุขภาพการเงินและสังคม ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง การเก็บออม หรือการศึกษาเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีลูก 1 คน ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากมายเลยทีเดียว
- วางแผนการเงิน เช่น การออมเงิน ฯลฯ
- เตรียมผู้ดูแลหลักในการเลี้ยงดูบุตร
- การป้องกันตนเองจากปัญหาสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศไม่ดี ส่งผลต่อลูกน้อยได้เช่นกัน จึงนำข้อปฏิบัติง่ายๆมาฝากกัน เริ่มทำตามง่ายๆ โดย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น ขนาด2.5 ไมครอน ขณะตั้งครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก (พบการสัมผัสฝุ่น NO2 , SO2, CO จากถนนสายหลัก เขตจราจร หรืออื่นๆ ขณะตั้งครรภ์ช่วงไตรมาสแรก มีผลต่อความดันโลหิตสูง การคลอดก่อนกำหนด และน้ำหนักแรกเกิดน้อย)
- รับประทานอาหารทะเลและปลาน้ำลึกปริมาณมาก ๆ ขณะตั้งครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสและฉีดพ่นสารเคมี (สารเคมีจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อน้ำหนักแรกเกิดน้อย การเจริญเติบโตของทารกและขนาดเส้นรอบศีรษะผิดปกติ)
ขอบคุณที่มา : สื่อมัลติมีเดียกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข