รู้จักโรคงูสวัด อันตรายที่ซ่อนอยู่ในปมประสาท
25 มีนาคม 2024
โรคงูสวัด คืออะไร ?
โรคงูสวัดเป็นการติดเชื้อไวรัส Varicella Zoster ชนิดเดียวกับที่ก่อโรคอีสุกอีใส โดยการติดเชื้อนี้ ในครั้งแรกจะแสดงอาการของโรคอีสุกอีใส เมื่อหายแล้ว เชื้อจะยังคงอยู่ในร่างกาย โดยซ่อนอยู่ที่ปมประสาท เมื่อร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนไม่เพียงพอ มีภาวะเครียด หรือมีภาวะภูมิถดถอยตามวัย เชื้อก็จะถูกกระตุ้น และก่อให้เกิดโรคงูสวัดที่มีความเสี่ยงและอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้ง 9 ใน 10 ของผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคงูสวัด เนื่องจากเคยป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส
ความอันตรายของโรคงูสวัด
ภาวะแทรกซ้อนที่พบ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
- โรคปวดเส้นประสาท (Postherpetic Neuralgia - PHN) มีอาการปวดเส้นประสาทตลอดเวลานานหลายเดือนหรือหลายปีหลังจากผื่นหายไป
- การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง เกิดเป็นแผลเป็น
- งูสวัดขึ้นตา อาจทำให้ตาบอด
- ปัญหาโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และหลอดเลือดหัวโจ
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- ใบหน้าเป็นอัมพาตครึ่งซีก (Ramsay Hunt Syndrome)
ใครมีความเสี่ยงของโรคงูสวัดบ้าง
- คนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป
- คนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จากโรคหรือสภาวะต่างๆ หรือได้รับยากดภูมิ
- ผู้ที่โรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ และหลอดเลือด เบาหวาน โรคทางเดินหายใจ โรคไต โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคตับ
ผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคงูสวัดมาก่อนมีโอกาสสูงถึง 6.2% ที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำ
การดูแลรักษา
- ให้ยาต้านไวรัสเร็วโดยเฉพาะในช่วง 72 ชั่วโมงแรกที่เกิดผื่นผิวหนัง จะช่วยย่นระยะเวลาของโรค และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้
- ดูแลผิวหนังในบริเวณรอยโรคให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการเกา เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
- เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ในกรณีที่มีอาการรุนแรง
การป้องกัน
- การจัดการความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการรักษาสุขอนามัย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการของโรคงูสวัด ในกรณีที่ท่านยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส อาจทำให้เป็นโรคอีสุกอีใสได้
- วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
การรู้จักโรคงูสวัดเป็นสิ่งสำคัญ ในการป้องกันและรับมือกับโรคนี้ เพื่อปกป้องสุขภาพของตัวเราและคนที่เรารักให้ห่างไกลจากโรคงูสวัด
ที่มา: GSK T\hailand.